คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
คณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดการประชุมครั้งที่ 39/2561 วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2561 เวลา 08.00 นาฬิกา ณ ห้องรับรอง 1-2 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา 2 โดยมีวาระการพิจารณาผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการและสรุปการเดินทางไปเยือนและประชุมทวิภาคีของคณะกรรมาธิการ ณ สาธารณรัฐออสเตรีย สาธารณรัฐโครเอเชีย และสาธารณรัฐสโลวีเนีย ระหว่างวันที่ 2 – 12 มิถุนายน 2561 6 กรกฎาคม 2561 ที่รัฐสภา - พลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการและสรุปการเดินทางไปเยือนและประชุมทวิภาคีของคณะกรรมาธิการ ณ สาธารณรัฐออสเตรีย สาธารณรัฐโครเอเชีย และสาธารณรัฐสโลวีเนีย ระหว่างวันที่ 2 – 12 มิถุนายน 2561
สำหรับการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการการปกครอง การบริหารราชการแผ่นดินและการพัฒนาระบบราชการ ได้มีการพิจารณาความคืบหน้าการจัดทำรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง “คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.)” โดยเป็นการพิจารณารายงานในส่วนของบทที่ 4
การวิเคราะห์และข้อเสนอแนะ ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการฯ เห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดที่ผ่านมายังไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ มีปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด จึงมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อให้คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ขณะที่คณะอนุกรรมาธิการการจัดระบบการบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาร่างรายงานผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณี ขอให้ตรวจสอบกรณีมีผู้บุกรุกชายหาดและทะเล และก่อสร้างท่าเทียบเรือโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก
กรมเจ้าท่า บริเวณอ่าวบ้านแหลม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างรายงานดังกล่าว และเห็นควรนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ในวันศุกร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑
ส่วนการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการการป้องกัน การรักษาความมั่นคงประเทศและกิจการทหาร ได้พิจารณาศึกษาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากกรณีเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ (คลังน้ำมัน) ที่มาจอดลอยลำในพื้นที่ จังหวัดชลบุรี โดยเชิญผู้แทนจากกรมเจ้าท่าเข้าร่วมประชุม เพื่อบรรยายสรุป วิธีการ หลักเกณฑ์ การอนุญาตให้เรือทอดสมออยู่ประจำในน่านน้ำ มาตรการหรือเงื่อนไขประกอบการพิจารณาอนุญาต ข้อมูลจำนวนเรือและขนาดที่ขออนุญาตทอดสมออยู่ประจำในน่านน้ำ รวมถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย และวิธีการขนถ่ายน้ำมันของเรือบรรทุกน้ำมันลอยน้ำ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติขอข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมเจ้าท่า
สำหรับการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการรับเรื่องราวร้องทุกข์ ได้มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีขอให้ตรวจสอบการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง แปลง 30977 (พ.ศ.2529) ไม่ตรงตามทะเบียนหวงห้ามเดิม (พ.ศ.2475) ทำให้ทับซ้อนกับที่ดินของกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ชุมชนไทยดำ บ้านทับชัน ต.ทรัพย์ทวี อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี เรื่องร้องเรียน กรณีขอความเป็นธรรมกรณีที่เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี ไม่ดำเนินการรังวัดเพื่อทำรูปแผนที่ในที่ดินที่ผู้ร้องครอบครอง เรื่องร้องเรียน กรณีขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ประกอบกิจการโรงแรม เคบ บางเสร่ ดำเนินการก่อสร้างโรงแรมรุกล้ำชายหาดและทะเล ในพื้นที่ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และเรื่องร้องเรียนกรณีขอให้ตรวจสอบเนื่องจากมีเอกชนขุดและขนย้ายดินในลำห้วยสาธารณะ บริเวณหมู่ที่ ๕ ตำบลหนองปรง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาสรุปการเดินทางไปเยือนและประชุมทวิภาคีของคณะกรรมาธิการ ณ สาธารณรัฐออสเตรีย สาธารณรัฐโครเอเชีย และสาธารณรัฐสโลวีเนีย ระหว่างวันที่ 2 – 12 มิถุนายน 2561
ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า สาธารณรัฐออสเตรียมีความเจริญรุดหน้ามาก ขณะนี้ประเทศกำลังเตรียมเข้าสู่ยุค 5.0 โดยมุ่งเน้นเรื่องของการพัฒนาคนให้มีศักยภาพ สอดคล้องกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี นอกจากนี้ระบบราชการ ยังเป็นลักษณะของการโยกย้ายข้ามกรม กระทรวงได้ ข้าราชการจะปรับตัวให้พร้อมกับการทำงานหลากหลายรูปแบบ
ด้านนายมนุชญ์ วัฒนโกเมร รองประธานคณะกรรมาธิการฯ คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ได้นำรูปแบบการบริหารเมืองเวียนนา Smart City มาถ่ายทอดสู่อนุกรรมาธิการฯ โดยมองว่า ประเทศไทยยังไม่มีรูปแบบและแนวทางการพัฒนาไปสู่ Smart City ที่แน่นอน เนื่องจากแต่ละกระทรวงมีมุมมองในการตีความหมายของการเป็น Smart City แตกต่างกัน คณะอนุกรรมาธิการฯ จึงมีแนวคิดที่จะศึกษาเรื่องดังกล่าว พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เพื่อบูรณาการรูปแบบ รวมถึงแนวทางต่าง ๆ และปรับให้ Smart City เหมาะสม สอดคล้องกับประเทศไทย
สำหรับการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการการปกครอง การบริหารราชการแผ่นดินและการพัฒนาระบบราชการ ได้มีการพิจารณาความคืบหน้าการจัดทำรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง “คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.)” โดยเป็นการพิจารณารายงานในส่วนของบทที่ 4
การวิเคราะห์และข้อเสนอแนะ ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการฯ เห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดที่ผ่านมายังไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ มีปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด จึงมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อให้คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ขณะที่คณะอนุกรรมาธิการการจัดระบบการบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาร่างรายงานผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณี ขอให้ตรวจสอบกรณีมีผู้บุกรุกชายหาดและทะเล และก่อสร้างท่าเทียบเรือโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก
กรมเจ้าท่า บริเวณอ่าวบ้านแหลม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างรายงานดังกล่าว และเห็นควรนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ในวันศุกร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑
ส่วนการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการการป้องกัน การรักษาความมั่นคงประเทศและกิจการทหาร ได้พิจารณาศึกษาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากกรณีเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ (คลังน้ำมัน) ที่มาจอดลอยลำในพื้นที่ จังหวัดชลบุรี โดยเชิญผู้แทนจากกรมเจ้าท่าเข้าร่วมประชุม เพื่อบรรยายสรุป วิธีการ หลักเกณฑ์ การอนุญาตให้เรือทอดสมออยู่ประจำในน่านน้ำ มาตรการหรือเงื่อนไขประกอบการพิจารณาอนุญาต ข้อมูลจำนวนเรือและขนาดที่ขออนุญาตทอดสมออยู่ประจำในน่านน้ำ รวมถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย และวิธีการขนถ่ายน้ำมันของเรือบรรทุกน้ำมันลอยน้ำ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติขอข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมเจ้าท่า
สำหรับการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการรับเรื่องราวร้องทุกข์ ได้มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีขอให้ตรวจสอบการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง แปลง 30977 (พ.ศ.2529) ไม่ตรงตามทะเบียนหวงห้ามเดิม (พ.ศ.2475) ทำให้ทับซ้อนกับที่ดินของกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ชุมชนไทยดำ บ้านทับชัน ต.ทรัพย์ทวี อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี เรื่องร้องเรียน กรณีขอความเป็นธรรมกรณีที่เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี ไม่ดำเนินการรังวัดเพื่อทำรูปแผนที่ในที่ดินที่ผู้ร้องครอบครอง เรื่องร้องเรียน กรณีขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ประกอบกิจการโรงแรม เคบ บางเสร่ ดำเนินการก่อสร้างโรงแรมรุกล้ำชายหาดและทะเล ในพื้นที่ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และเรื่องร้องเรียนกรณีขอให้ตรวจสอบเนื่องจากมีเอกชนขุดและขนย้ายดินในลำห้วยสาธารณะ บริเวณหมู่ที่ ๕ ตำบลหนองปรง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาสรุปการเดินทางไปเยือนและประชุมทวิภาคีของคณะกรรมาธิการ ณ สาธารณรัฐออสเตรีย สาธารณรัฐโครเอเชีย และสาธารณรัฐสโลวีเนีย ระหว่างวันที่ 2 – 12 มิถุนายน 2561
ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า สาธารณรัฐออสเตรียมีความเจริญรุดหน้ามาก ขณะนี้ประเทศกำลังเตรียมเข้าสู่ยุค 5.0 โดยมุ่งเน้นเรื่องของการพัฒนาคนให้มีศักยภาพ สอดคล้องกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี นอกจากนี้ระบบราชการ ยังเป็นลักษณะของการโยกย้ายข้ามกรม กระทรวงได้ ข้าราชการจะปรับตัวให้พร้อมกับการทำงานหลากหลายรูปแบบ
ด้านนายมนุชญ์ วัฒนโกเมร รองประธานคณะกรรมาธิการฯ คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ได้นำรูปแบบการบริหารเมืองเวียนนา Smart City มาถ่ายทอดสู่อนุกรรมาธิการฯ โดยมองว่า ประเทศไทยยังไม่มีรูปแบบและแนวทางการพัฒนาไปสู่ Smart City ที่แน่นอน เนื่องจากแต่ละกระทรวงมีมุมมองในการตีความหมายของการเป็น Smart City แตกต่างกัน คณะอนุกรรมาธิการฯ จึงมีแนวคิดที่จะศึกษาเรื่องดังกล่าว พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เพื่อบูรณาการรูปแบบ รวมถึงแนวทางต่าง ๆ และปรับให้ Smart City เหมาะสม สอดคล้องกับประเทศไทย
ข้อมูลเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 15:45:30 ปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 00:00:00 มีการเปิดอ่าน 900 ครั้ง Share
