เวทีวุฒิสภาประชาชน ครั้งที่ ๒ ข้าวไทยพุ่งแรง...รุ่งโรจน์หรือหายนะชาวนาไทย
คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้จัดเวทีวุฒิสภาประชาชน ครั้งที่ ๒ เรื่อง ข้าวไทยพุ่งแรง...รุ่งโรจน์หรือหายนะชาวนาไทย วันจันทร์ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ เวลา ๐๙.๐๐ ๑๔.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ หมายเลข ๓๐๖ ๓๐๗ ชั้น ๓ อาคารรัฐสภา ๒
คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้จัดเวทีวุฒิสภาประชาชน ครั้งที่ ๒เรื่อง ข้าวไทยพุ่งแรง...รุ่งโรจน์หรือหายนะชาวนาไทย เมื่อวันจันทร์ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
๑. เพื่อเป็นเวทีให้วุฒิสภาสามารถรับฟังและเข้าถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค
๒. เพื่อเป็นเวทีในการเสนอแนะปัญหาที่สำคัญเร่งด่วน และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค
๓. เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสานร่วมมือระหว่างหน่วยงาน องค์กรและประชาชน ผู้ประกอบอาชีพต่างๆ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาความเดือดร้อนเกี่ยวกับการบริโภค
๔. ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน
โดยการจัดครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมเวทีเสวนา ประกอบด้วย ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภา อธิบดีกรมการค้าภายใน ตัวแทนภาควิชาการ ตัวแทนชาวนา นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าว สมาคมผู้ส่งออกข้าว สมาคมโรงสีข้าว ประธานที่ปรึกษาสมาคมโรงสีข้าวไทย ตัวแทนภาคประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบจากปัญหาการบริโภคในปัจจุบัน สื่อมวลชน และผู้สนใจทั่วไปจำนวน ๑๒๐ คน
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ปริมาณสำรองข้าวของโลกเริ่มมีทิศทางปรับลดลงมาเป็นลำดับ จากปี พ.ศ.๒๕๔๔ ที่มีอยู่ ๑๔๗ ล้านตัน มาถึงปัจจุบันซึ่งคงเหลืออยู่ที่ระดับราว ๗๐ ล้านตันเศษ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของเมือง ภาระค่าใช้จ่ายในการผลิต พื้นที่การเพาะปลูกข้าวซึ่งมีแนวโน้มถูกจำกัดจากการเข้ามาแย่งพื้นที่เพาะปลูกของพืชพลังงาน ตลอดจนสภาพภูมิอากาศ ที่แปรปรวนในหลายประเทศที่ทำให้ผลผลิตข้าวได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติในวงกว้าง ขณะที่ปริมาณการบริโภคข้าวยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มของประเทศกำลังพัฒนา
ทั้งนี้ การปรับขึ้นของราคาข้าวในช่วงปี ๒๕๔๕-๒๕๕๐ ของประเทศไทย มีรูปแบบการปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป กระทั่งเข้าสู่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ กลับเกิดปรากฏการณ์ราคาข้าวที่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วและอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยรวม แต่กระนั้นก็เป็นที่น่าสังเกตว่าประเทศไทยในฐานะที่เป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกอาจจะได้รับประโยชน์ในลักษณะของการได้มาแบบไม่คุ้มเสีย ในเมื่อชาวนาไทยยังต้องรับภาระจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นกว่าเท่าตัว ทั้งราคาปุ๋ย ค่าเช่าที่นา และการที่ผู้บริโภคชาวไทยจำเป็นต้องซื้อข้าวแพงขึ้น ในขณะที่รายได้ซึ่งได้รับเพิ่มต่อเดือนนั้นกลับอยู่ในอัตราที่ต่ำเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับรายจ่ายต่างๆ ที่มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น เพื่อเป็นการสะท้อนถึงสถานการณ์ราคาข้าวของประเทศไทยในปัจจุบันและข้อเท็จจริงว่าชาวนาไทยหรือใครที่เป็นผู้ซึ่งได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ราคาข้าวแพงอย่างแท้จริง ตลอดจนสภาพปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จึงสมควรที่จะมีเวทีที่เปิดโอกาสให้หน่วยงาน องค์กรและเครือข่ายประชาชนทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการระดมและแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับปัญหา พร้อมทั้งหาข้อสรุปแนวทางเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการแก้ไขที่เหมาะสม เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ในอันที่จะสามารถพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป (รายละเอียดสามารถดาวน์โหลดได้)
ข้อมูลเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552 00:00:00 ปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 00:00:00 มีการเปิดอ่าน 1661 ครั้ง Share